05 กันยายน 2568

 

Windows 10 – วิธีถอนตัว Update

Windows 10 เป็นระบบปฎิบัติการที่ถูกพัฒนาอยู่ตลอดเวลา และเรามักจะพบปัญหากับมันบ่อย ๆ เสียด้วย โดยเฉพาะเหล่าเกมเมอร์ที่จะต้องเสี่ยงดวงกับการอัพเดตใหม่ทุกครั้ง ว่ามันจะมาทำลายประสิทธิภาพของเกมที่พวกเขาเล่นหรือไม่ อย่างที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะตัวอัพเดต KB4487044 ในปัจจุบัน ในขณะที่ไม่มีวิธีแก้ที่ได้ผล ทางออกที่ดีสุดคือการถอนการติดตั้งมันออกไปซะ และมันต้องทำอย่างไรวันนี้เราจะพาไปดูขั้นตอนการถอน Windows Update ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ

1.ให้กดปุ่ม Start และพิมพ์คำว่า “Windows Update Setting” ในช่องค้นหา

win update วิธีลบ

2.เลือกที่เมนู “View update history”

3.หลังจากนั้นให้เข้าไปที่เมนูถอนการติดตั้ง “Uninstall updates”

4.หน้าต่างจะแสดงการอัพเดตทั้งหมด โดยตัวอัพเดตของวินโดวจะขึ้นต้นด้วย “Update for…” เลือกตัวที่จะถอนการติดตั้ง และกดที่ “Uninstall”

5.หลังจากถอนการติดตั้งเสร็จคอมพิวเตอร์จะรีสตาร์ทตัวเอง เมื่อเปิดขึ้นมาอีกครั้งจะถือว่าถอนการติดตั้งเสร็จอย่างสมบูรณ์ เท่านี้ปัญหาจาก Update ตัวดังกล่าวก็จะหมดไป หรือจนกว่าจะมีตัวอัพเดตใหม่เข้ามาแทนที่ ผู้ใช้ค่อยทำการดาวโหลดมาติดตั้งใหม่ในอนาคต

คำแนะนำ หากเพื่อน ๆ อยากทราบข้อมูลเพิ่มต่อหรือคุยเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถเข้าไปดูได้ที่ Windows Community เป็นแหล่งพูดคุยของผู้พัฒนาและผู้ใช้งานที่ใหญ่สุดของ Windows

สำหรับใครที่ไม่อยากต้องมานั่งถอนตัวติดตั้ง Update บ่อย ๆ เราก็มี วิธีจะปิด Windows 10 Update แบบถาวร ทำครั้งเดียวจบไม่ต้องวนกลับมาทำซ้ำให้วุ่นวาย!

คอมในวง LAN เดียวกัน มองไม่เห็นกัน

 เหตุผลหลักที่คอมพิวเตอร์ในวง LAN เดียวกันมองเห็นกันไม่ครบทุกเครื่องมักเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับ การกำหนดค่าเครือข่าย และ การตั้งค่าความปลอดภัย เป็นหลัก


สาเหตุที่พบบ่อย

  • Firewall หรือโปรแกรม Antivirus บล็อกการเชื่อมต่อ: Firewall ที่ติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องอาจจะตั้งค่าไว้ให้ป้องกันการเชื่อมต่อหรือการค้นหาจากเครือข่ายภายนอก ทำให้เครื่องอื่นๆ มองไม่เห็น ซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยปกติ

  • Workgroup หรือ Homegroup ที่ไม่ตรงกัน: หากคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องถูกตั้งค่าให้อยู่ในกลุ่มทำงาน (Workgroup) หรือกลุ่มหลัก (Homegroup) ที่มีชื่อแตกต่างกัน คอมพิวเตอร์เหล่านั้นจะไม่สามารถมองเห็นหรือแชร์ไฟล์ระหว่างกันได้

  • ปัญหาการตั้งค่า IP Address:

    • IP Address ไม่ได้อยู่ใน Subnet เดียวกัน: คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องต้องมี IP Address ที่อยู่ในช่วง Subnet เดียวกัน เช่น ถ้าเครื่องหนึ่งมี IP เป็น 192.168.1.10 อีกเครื่องก็ต้องเป็น 192.168.1.XX ถึงจะสื่อสารกันได้

    • IP Address ซ้ำกัน: หากมีคอมพิวเตอร์สองเครื่องหรือมากกว่ามี IP Address เดียวกัน จะทำให้เกิดความขัดแย้ง (IP conflict) และไม่สามารถเชื่อมต่อในเครือข่ายได้อย่างถูกต้อง

  • Network Discovery ถูกปิดการใช้งาน: ระบบปฏิบัติการ Windows มีคุณสมบัติที่เรียกว่า Network Discovery (การค้นหาเครือข่าย) ซึ่งถ้าถูกปิดอยู่ เครื่องนั้นๆ จะไม่สามารถถูกค้นพบโดยเครื่องอื่นๆ ในเครือข่ายเดียวกันได้

  • Driver ของการ์ด LAN มีปัญหา: Driver ที่เก่าหรือเสียหายอาจทำให้การ์ดเครือข่ายทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้การเชื่อมต่อไม่เสถียรหรือมองไม่เห็นเครื่องอื่น


แนวทางการแก้ไขเบื้องต้น

  1. ตรวจสอบ Firewall: ลองปิด Firewall ชั่วคราวบนเครื่องที่มองไม่เห็นเพื่อทดสอบ ถ้ามองเห็นกันได้ แสดงว่าปัญหามาจาก Firewall และต้องเข้าไปตั้งค่าอนุญาต (allow) ให้การเชื่อมต่อในเครือข่าย

  2. ตรวจสอบและตั้งค่า Workgroup ให้ตรงกัน: เข้าไปที่ System Properties เพื่อตรวจสอบและเปลี่ยนชื่อ Workgroup ของทุกเครื่องให้เหมือนกัน

  3. ตั้งค่า Network Discovery และ File Sharing: ไปที่ Network and Sharing Center ใน Windows และเปิดการใช้งาน Network Discovery และ File and printer sharing ให้เป็น On

  4. ตรวจสอบ IP Address: ใช้คำสั่ง ipconfig ใน Command Prompt เพื่อตรวจสอบ IP Address และ Subnet ของแต่ละเครื่องว่าอยู่ในช่วงเดียวกันหรือไม่

  5. อัปเดต Driver การ์ด LAN: ลองดาวน์โหลดและติดตั้ง Driver ล่าสุดของการ์ดเครือข่ายจากเว็บไซต์ของผู้ผลิต

หากลองแก้ไขตามขั้นตอนเบื้องต้นแล้วยังไม่สำเร็จ อาจต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น ปัญหาที่ Hardware (สาย LAN, Switch Hub) หรือการตั้งค่าขั้นสูงใน Router ครับ

  Windows 10 – วิธีถอนตัว Update Windows 10 เป็นระบบปฎิบัติการที่ถูกพัฒนาอยู่ตลอดเวลา และเรามักจะพบปัญหากับมันบ่อย ๆ เสียด้วย โดยเฉพาะเหล่าเ...