print spooler ช่วยให้คอมพิวเตอร์ Windows ของคุณรับส่งข้อมูลกับพรินเตอร์ได้ และสั่งพริ้นท์งานที่รออยู่ในคิว ถ้ามีข้อความ error ขึ้นเตือนเรื่อง print spooler แสดงว่าอาจจะเสีย หรือไม่สามารถสื่อสารกับโปรแกรมอื่นได้อย่างถูกต้อง ให้ลองแก้ไขด้วยหนึ่งในวิธีต่อไปนี้ดูก่อน ถ้าไม่ได้ผลค่อยลองวิธีอื่นต่อไป
วิธีการ1เปลี่ยนค่า Properties ของ Print Spooler
วิธีการ1
- 1เปิด properties ของ printer spooler. แค่ปรับเปลี่ยนตรงนี้อาจแก้ปัญหา print spooler ไม่ได้ทั้งหมด แต่ถือเป็นจุดที่ควรสำรวจและแก้ไขเป็นที่แรก วิธีนี้ใช้ได้กับ Windows ทุกเวอร์ชั่น ตั้งแต่ XP เป็นต้นมา (แต่เวอร์ชั่นก่อนหน้าก็อาจใช้ได้เหมือนกัน)
- กดปุ่ม Windows + R เพื่อเปิดหน้าต่าง Run พิมพ์ services.msc แล้วกด ↵ Enter จากนั้นดับเบิลคลิก Print Spooler
- หรือคลิก Start → Control Panel → Administrative Tools → Services → Print Spooler
- 2กด stop และ start. ปุ่ม Stop กับ Start จะอยู่ที่ tab General ในหน้าต่าง Print Spooler Properties ที่คุณเพิ่งเปิด บาง error แค่กด stop แล้ว start print spooler ใหม่ก็หายแล้ว ให้เปิดหน้าต่างนี้ทิ้งไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวต้องมาปรับแต่งอะไรต่อ
- 3ตั้งค่าให้ Spooler เริ่มทำงาน (start) อัตโนมัติ. เลือกเมนูที่ขยายลงมาต่อจาก "Startup type" เลือก Automatic แล้ว spooler จะเริ่มทำงานทันทีที่เปิดคอม สั่งพริ้นท์อะไรก็ทันใจ เสร็จแล้วกด Apply ที่มุมขวาล่างเพื่อเซฟค่าใหม่ได้เลย[1]
- 4เปลี่ยน recovery options. ต่อมาให้คลิก tab Recovery หรือก็คือวิธีที่ spooler แก้ปัญหาเมื่อตัวเองเกิด error ถ้าลองปรับเปลี่ยนค่าต่างๆ นิดหน่อย จะทำให้ spooler แก้ไขปัญหาที่เกิดได้เร็วขึ้น ไม่ค้างบ่อยๆ ค่าต่างๆ ที่ควรปรับเปลี่ยนก็เช่น [2]
- First failure: Restart the Service (เกิด error ครั้งแรกให้รีสตาร์ทตัวเอง)
- Second failure: Restart the Service (เกิด error ครั้งที่ 2 ให้รีสตาร์ทตัวเอง)
- Subsequent failures: Take No Action (เกิด error ครั้งต่อมาจะไม่แก้ไขตัวเอง)
- Reset fail count after: 1 days (รีเซ็ตการนับจำนวนครั้งที่เกิด error หลังผ่านไป 1 วัน)
- Restart service after: 1 minutes (รีสตาร์ทตัวเองหลังค้าง 1 นาที)
- พอตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ให้คลิก Apply ได้เลย
- 5
- 6รีสตาร์ทแล้วลองใหม่. คราวนี้ก็ลองพริ้นท์ใหม่ได้แล้ว อาจต้องปิดหน้าต่าง Properties และ/หรือรีสตาร์ทคอมก่อน ค่าใหม่ถึงจะมีผล แต่ถ้าลองใหม่แล้วยังมีข้อความ error ให้ทำขั้นตอนต่อไป
- 7เช็ค dependencies. กลับไปที่หน้าต่าง Print Spooler Properties ตามวิธีการที่บอกด้านบน (ถ้าปิดไปแล้ว) คลิก tab Dependencies แล้วดูกรอบบนที่เขียนว่า "This service depends on the following system components."[5] ให้สำรวจสถานะของแต่ละ service ในกรอบนี้
- กลับไปที่หน้าต่าง Services ถ้าปิดไปแล้วให้เปิดอีกครั้งตามวิธีการในขั้นตอนแรกของวิธีการนี้
- หาชื่อ services ที่คุณเห็นในกรอบ Dependencies ด้านบน ที่อยู่ล่างคอลัมน์ Name
- เช็คให้ชัวร์ ว่ามีคำว่า "Started" ในคอลัมน์ Status ของไฟล์นั้น
- เช็คให้ชัวร์ ว่ามีคำว่า "Automatic" ในคอลัมน์ Startup Type ของไฟล์นั้น
- ถ้าหนึ่งใน services ที่คุณหา ไม่มี ค่าดังกล่าว ให้ Stop แล้ว Start service นั้น วิธีนี้ใช้กับไอคอนในหน้าต่าง Services ได้ หรือจะดับเบิลคลิกที่ชื่อ service แล้วคลิกปุ่มในหน้าต่าง Properties ก็ได้
- ถ้าไอคอน Stop กับ Start คลิกไม่ได้ หรือคลิกแล้วค่าไม่เปลี่ยนเป็น "Started" กับ "Automatic" ให้ลองลงไดรฟ์เวอร์ใหม่ตามวิธี "อัพเดทไดรฟ์เวอร์ของพรินเตอร์" ด้านล่าง [6] ถ้ายังไม่ได้ผล ให้ศึกษาวิธีแก้ไขปัญหาของ service นั้นโดยเฉพาะ เช่น การแก้ไข registry แบบซับซ้อนกว่า [7]
วิธีการ2รีเซ็ตพรินเตอร์
วิธีการ2
- 1ล้าง Print Queue. ปกติทำแล้วมักหาย error และถือเป็นขั้นตอนบังคับก่อนทำขั้นตอนอื่นข้างล่างต่อไป[8]
- เปิดหน้าต่าง Services (กดปุ่ม Windows + R พิมพ์ services.msc แล้วกด enter)
- เลือก Print Spooler แล้วคลิกไอคอน Stop ถ้าไม่ได้ stop อยู่แล้ว
- ไปที่ C:\Windows\system32\spool\PRINTERS แล้วเปิดไฟล์นี้ อาจจะต้องตั้งค่าให้แสดงไฟล์ที่ถูกซ่อนไว้ และ/หรือใส่รหัสผ่านแอดมินก่อน
- ลบทุกอย่างในโฟลเดอร์ แต่ ห้ามลบ ตัวโฟลเดอร์ PRINTERS เอง ซึ่งจะเป็นการลบทุกคำสั่งพริ้นท์ที่ค้างอยู่ เพราะงั้นต้องเช็คให้ชัวร์ว่าไม่ได้มีใครใน network เดียวกันกำลังใช้งานพรินเตอร์
- กลับไปที่หน้าต่าง Services เลือก Print Spooler แล้วคลิก Start
- 2อัพเดทไดรฟ์เวอร์ของพรินเตอร์. บางทีไดรฟ์เวอร์ของพรินเตอร์อาจจะเสียหาย เลยทำให้ spooler มีปัญหา เพราะข้อมูลที่ได้จากพรินเตอร์นั้นผิดพลาด ให้คุณลองอัพเดทไดรฟ์เวอร์ของพรินเตอร์ดูก่อน ถ้าไม่ได้ช่วยอะไร ก็ค่อยทำขั้นตอนต่อไป
- 3ลบพรินเตอร์. บางทีอาจเป็นที่โปรแกรมของพรินเตอร์ ขั้นตอนนี้จะลบพรินเตอร์อย่างรวดเร็ว ให้คุณได้ติดตั้งใหม่แต่ต้น [9]
- ถอดปลั๊กพรินเตอร์ หรือตัดการเชื่อมต่อกับพรินเตอร์ไร้สาย
- ค้นหา "Devices and Printers" ในแถบค้นหา แล้วคลิกเพื่อเปิด
- คลิกขวาที่ไอคอนของพรินเตอร์ที่ใช้งานไม่ได้ แล้วคลิก "Delete" ในเมนูที่ขยายลงมา
- 4ลบไดรฟ์เวอร์ของพรินเตอร์. ต้องลงไดรฟ์เวอร์แยกอีกที ตอนนี้ให้เปิดหน้าต่าง Devices and Printers ทิ้งไว้ก่อน แล้วปรับเปลี่ยนค่าดังนี้
- คลิกที่ไอคอนพรินเตอร์อื่น แล้วคลิก Print Server Properties ที่แถบเมนูด้านบน
- ในหน้าต่าง Properties ให้คลิก tab Drivers
- เลือกไดรฟ์เวอร์ของพรินเตอร์ที่ลบไป แล้วคลิก Remove
- ถ้าเลือก "Remove driver and driver package" แพ็คเกจติดตั้งทั้งหมดจะถูกลบไปด้วย ให้เลือกข้อนี้เฉพาะกรณีที่มีแพ็คเกจติดตั้งใหม่ของไดรฟ์เวอร์นั้นแล้ว
- 5ติดตั้งพรินเตอร์กลับมา. เสียบพรินเตอร์คืน แล้วทำตามขั้นตอนที่ปรากฏในหน้าจอเพื่อติดตั้งพรินเตอร์ใหม่อีกรอบ ถ้าลบ driver package ไปแล้ว ก็ต้องดาวน์โหลดมาใหม่จากเว็บยี่ห้อพรินเตอร์ที่ใช้
- 6ลบพรินเตอร์ที่โผล่มาใหม่ด้วย Print Management. ถ้าพรินเตอร์หรือไดรฟ์เวอร์ชอบโผล่มาใหม่ทั้งที่ลบไปแล้ว หรือถอนการติดตั้งไม่ได้ เครื่องมือนี้ก็ถือว่าช่วยได้ เป็นโปรแกรมที่ติดมากับ Windows 7 Pro/Ultimate/Enterprise และ Windows 8 Pro/Enterprise เท่านั้น วิธีใช้ก็คือ[10] [11]
- ไปที่ Start → Administrative Tools → Print Management แล้วล็อกอินด้วยรหัสผ่านแอดมิน ถ้าหาไม่เจอ ให้ลองเข้า Start → Control Panel → System & Security → Administrative Tools → Print Management
- ในกรอบซ้ายมือ ให้คลิกลูกศรข้าง Print Servers เพื่อขยายรายชื่อ
- คลิกลูกศรข้างคอมของคุณ (เขียนว่า Local)
- 7คลิก Printers ในกรอบซ้ายมือ. หาพรินเตอร์ที่มีปัญหาในกรอบขวา แล้วคลิกขวาเลย จากนั้นเลือก "Delete"
- คลิก Drivers ในกรอบซ้ายมือ. คลิกขวาที่แต่ละไดรฟ์เวอร์ของพรินเตอร์นั้น แล้วเลือก "Delete" เพื่อถอนการติดตั้ง (ถ้ามีพรินเตอร์อื่นใช้อยู่ ก็ถอนการติดตั้งไม่ได้)
- หรือคลิกขวาที่ไดรฟ์เวอร์ แล้วเลือก "Remove Driver Package" เพื่อถอนการติดตั้งไดรฟ์เวอร์และลบแพ็คเกจติดตั้ง บางทีขั้นตอนนี้ก็จำเป็น แต่คุณจะติดตั้งไดรฟ์เวอร์ใหม่ไม่ได้จนกว่าจะดาวน์โหลดแพ็คเกจติดตั้งใหม่มา
- เชื่อมต่อพรินเตอร์เพื่อติดตั้งใหม่ และดาวน์โหลดไดรฟ์เวอร์ใหม่ด้วย ถ้าลบแพ็คเกจไดรฟ์เวอร์ไปแล้ว
วิธีการ3สแกนไฟล์ระบบ
วิธีการ3
- 1รีสตาร์ทคอมเข้า Safe Mode. ไม่จำเป็นเสมอไป แต่จะทำให้สแกนได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม
- 2เปิด Command Prompt โดยใช้ administrator privileges. ค้นหา "Command Prompt" ในแถบค้นหา คลิกขวา Command Prompt แล้วเลือก "Run as administrator" จากนั้นใส่รหัสผ่านแอดมิน
- 3ใส่คำสั่ง scan. ในหน้าต่างที่เปิดมา ให้พิมพ์ sfc /scannow แล้วกด ↵ Enter ให้พิมพ์แบบที่เห็นเป๊ะๆ เป็นการบอก System File Checker ให้สแกนไฟล์หาความเสียหาย และพยายามซ่อมแซม
- จะเป็นการย้อนไฟล์ระบบกลับค่า default ถ้าคุณปรับเปลี่ยนอะไรไว้ ให้ backup ข้อมูลในคอมไว้ก่อน แล้วค่อยเริ่มสแกน[12]
- 4รอจนสแกนเสร็จ. เปิดหน้าต่าง Command Prompt ทิ้งไว้ระหว่างสแกนไฟล์ แล้วอ่านข้อความหลังเสร็จสิ้น
- ถ้าขึ้นว่า "Windows Resource Protection found corrupt files and successfully repaired them" ให้รีสตาร์ทคอมเข้าโหมดปกติ แล้วลองสั่งพริ้นท์ดู
- ถ้าขึ้นว่า "Windows Resource Protection found corrupt files but was unable to fix some of them" ให้ทำขั้นตอนต่อไป
- ถ้าขึ้นข้อความอื่น ให้ลองแก้ไขด้วยวิธีการอื่นต่อไป
- 5หาไฟล์ที่เสีย. ถ้าสแกนแล้วเจอปัญหาแต่โปรแกรมซ่อมแซมไม่ได้ คุณก็ต้องแก้ไขเอง ให้สังเกตข้อมูลต่อไปนี้[13]
- ในหน้าต่าง Command Prompt ให้พิมพ์ findstr /c:"[SR]" %windir%\Logs\CBS\CBS.log >"%userprofile%\Desktop\sfcdetails.txt" แล้วกด ↵ Enter
- หา Sfcdetails.txt ในหน้า Desktop แล้วเปิดขึ้นมา
- หารายงานของวันนี้ แล้วหาชื่อไฟล์ที่เสียหรือหายไป
- 6หาไฟล์ใหม่. หาไฟล์นี้ในคอมเครื่องอื่นที่ใช้ Windows เวอร์ชั่นเดียวกัน แล้วย้ายมาใส่เครื่องคุณ หรือดาวน์โหลดไฟล์ใหม่จากในเน็ตแทน ขอให้เลือกเว็บที่น่าเชื่อถือหน่อย
- พอมีทาง extract หรือแตกไฟล์นี้มาจากแผ่นติดตั้ง Windows ได้เหมือนกัน[14]
- 7ติดตั้งไฟล์ใหม่. ให้แทนที่ไฟล์ที่เสียด้วยไฟล์ใหม่ดังนี้ [15]
- ในหน้าต่าง Command Prompt ให้พิมพ์ takeown /f เว้นวรรค แล้วตามด้วย path และชื่อของไฟล์ที่เสียแบบเป๊ะๆ เช่น takeown /f C:\windows\system32\oldfile แล้วกด ↵ Enter
- ต่อมาให้พิมพ์คำสั่ง icacls (path to corrupt file) /grant administrators:F โดยเปลี่ยน "(path to corrupt file)" เป็น path กับชื่อไฟล์เดียวกับบรรทัดบน
- ย้ายไฟล์ใหม่โดยพิมพ์ copy (path to new file) (path to corrupt file) โดยเปลี่ยนคำในวงเล็บเป็น path กับชื่อไฟล์ที่ถูกต้อง
เคล็ดลับ
- Windows Server 2003 กับ Windows XP Professional x64 Edition บางทีก็มี bug ที่ทำให้คอมรับข้อมูลการพริ้นท์งานจากบางพรินเตอร์ไม่ได้ แบบนี้คุณต้องดาวน์โหลดไฟล์แก้จากเว็บช่วยเหลือของ Microsoft เอง[16]
- เดี๋ยวนี้มีหลายโปรแกรมดาวน์โหลดมาแก้ไขปัญหา print spooler ได้อัตโนมัติ แต่ขอให้เลือกดาวน์โหลดไฟล์เฉพาะจากเว็บดังๆ ที่น่าเชื่อถือ ไม่งั้นคอมจะเสี่ยงติดไวรัสได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น